และแล้วก็อีกครั้ง
ที่ผมตื่นขึ้นหลังจากเขียนเรื่องสั้นเมื่อตี2วานนี้....หากหลายท่านลองอ่านจะรู้ว่าผมออกกำลัง และวันนี้ ผลก็คือ...กล้ามเนื้ออักเสบบริเวณหน้าท้องและต้นขา
มันตึงรัดเจ็บปวดทุกครั้งที่ขยับ จนผมตื่นมาแล้วต้องร้องด้วยความเจ็บ
แต่ผมก็ร้องดังมากไม่ได้...มันทำให้ผมปวดหน้าท้องกว่าเดิม. ได้แต่ร้องครางเบาๆ...มันจำเป็นต้องร้องนะ เวลาคุณเจ็บปวด
คล้ายคลึงกับเมื่อวานที่ผมต้องคลานโดยใช้แรงแขน แต่คราวนี้ผมกลับมีท่ามีทางคล้ายคนสูงอายุ ใช้เวลาร่วมครึ่งนาทีในการนั่ง ลุก เปลี่ยนอิริยาบทและทำกิจกรรมที่ใช้กล้ามเนื่อทั้งสอง เช่น การเดิน,ลุก
มันทำให้ผมต้องใช้แขนพยุงช่วย แต่มันก็แค่ยื้อเวลาเจ็บ สุดท้ายก็ต้องมาเจ็บเช่นเดิม
และแล้วก็เป็นอีกครั้ง....ขณะที่ผมเผลองอเข่าตอนพิมพ์เรื่องสั้นนี้ ทำให้ปวดร้าวปานมันจะแตกออก ผมหลับตาด้วยความเจ็บปวด หน้าตาผมมันคงเหมือนกับตอนนั้น ที่ผมกับรุ่นน้องเด็กน้อยคนนั้นสัมพันธ์กันเกินเลยพี่น้อง มันก็เจ็บปวดเหมือนกัน แต่แค่ต่างที่เท่านั้นเอง
เรื่องเก่าอย่าเล่าใหม่ เดี๋ยวผู้อ่านที่รักจะเบื่อกันไปก่อน
จริงๆเรื่องของวันนี้มันเริ่มขึ้นที่ตอนเช้า อ่านข่าวผ่านฟีดที่เฟสบุค เกี่ยวกับยาร์เกย์แชะความเปิดเผยต่างๆ ....ทำไมเขาถึงใช้คำว่าเกย์นะ มันดูไม่ดีเอาเสียเลย ผมว่ามันไม่สมควรใช้เรียกอีกเพศที่เทียบเท่าชายและหญิง แต่คงดีกว่าการไปแยกประเภทให้ปวดหัว เพราะสำหรับผม มันไม่มีอะไรแน่นอนที่จะบอกว่าผมเป็นเกย์ประเภทไหน
มีบางครั้งบ้างล่ะที่ผมยอม มีบางครั้งที่ผมเล่น แต่ส่วนใหญ่แล้วมันมักจะไม่เกินเลยไปขนาดนั้น .... เพราะแค่ลูบหัวหรือจูบแก้มเบาๆ แค่หนุนเข่าหรือนอนหลับโดยมีอีกคนเคียงข้าง เท่านั้นน่าตะพอเพียง(ไม่ได้มากไปและไม่เสียอะไรสำหรับผม). แต่ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องแล้วแต่อีกคนด้วย
มันมีเรื่องจริงบ้างไม่จริงบ้างที่ผมเล่าผสมปนเปกันในเรื่องสั้น แต่ถึงแม้บางอย่างจะไม่จริง ถ้าผมไม่คิดมันคงไม่ออกมาเป็นตัวหนังสือที่คุณอ่านๆกันนี่หรอก
หลังจากส่องข่าวเกย์ๆกันสักพัก ย้ายไปข่าวนั้นค่ายนี้คนนี้รุกคนนั้นคนนั้นแต่งคนนี้กันสักพัก...พอให้หายง่วง ผมก็ย้ายไปที่อาณาจักรของกระทู้...พันทิป
เข้าไปในห้องโปรดอย่างเฉลิมไทย ร้ายนักที่มีกระทู้ชื่องงสะดุดตา
"ตัวรับที่ทำงานได้ดีที่สุดในซีรี่ย์หรือหนังเกย์" ทำไมต้องหนังเกย์นะ_
ความคิดอันอ่อนๆปวกเปียกเดาว่าตัวรับคงเป็นศัพท์ที่เกี่ยวกับองค์ประกอบด้านบทหรืออาร์ทเวิร์ค ที่ไหนได้ ตัวรับนั่นก็คือฝ่ายรับของคู่รักชาวเรา....(ชาวพวกเขานะผมขอแยกออกมามันคงไม่แย่ ผมคงทำให้ฝ่ายคุณเสียชื่อเปล่าๆ)
อะไรเกย์ๆคงไม่ได้ห่างจ่กผมไปง่ายๆหรอก(แน่ล่ะ บางทีเราก็เป็นเสียนี่)
สมัยก่อนผมก็เคยชอบผู้หญิงนะ...พวกเธอมีความลึกลับและน่าค้นหา แต่ทุกๆวันนี้ผู้หญิงก็เปลี่ยนไป การที่พวกเธอจะครองโลกล่ะมั้ง ถึงทำให้พวกเธอเปลี่ยนไป
ไม่รู้สิ ผมไม่รู้ว่าอะไรหายไปในเพศที่น่าทะนุถนอมและเทิดทูนที่สุด เพศที่อ่อนหวานและน่าเอ็นดู
และพอผมได้เจอกับใครคนหนึ่ง....ผมถึงรู้
ทุกๆอย่าที่ผู้หญิงทำหายไปมันมาอยู่ที่นี่แล้ว อยู่ที่รอยยิ้มอบอุ่นของใครบางคน ใครบางคนที่อาจจะเรียกว่าผม"รัก"เขา และใครคนนั้นที่เป็นผู้ชาย
แรกเริ่มผมก็สับสนกับชีวิตตัวเองนะว่ามันเกิดอะไรกับใจนะ...แต่เมื่อมองผ่านอดีตมา คนที่ผมรักนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้หญิงนี่
แค่คนคนนั้นมีบางอย่าง บางอย่างที่พอจะให้หัวใจผมได้พักผ่อน ก็เพียงเท่านั้นล่ะที่ผมต้องการ
แล้วเด็กชายคนนี้มีอะไรล่ะ.....ให้คิดก็คิดยากนะ แต่เขาก็มีหลายๆอย่างนะ ร้อยยิ้มที่บริสุทธิ์รอยนั้น....เด็กหัวอ่อนตัวเล็กๆที่ผมจับยกได้สบายๆ .... คนที่คิดถึงผมก่อนที่จะคิดถึงตัวเอง ... คนที่มีความโรแมนติกอยู่ภายใต้ท่าทีเปิ่นๆ นี่คงเป็นส่วนหนึ่งของเสน่ห์ที่ทำให้ผมยอมล่ะมั้ง
มานั่งนึกดูจุดนี้ผมก็รู้สึกผิดต่อสิ่งที่ผมทำต่อเขา...เพราะถึงแม้จะมีความจริงใจและห่วงใยให้ แต่ผมกลับไม่มีความอบอุ่นกลับไปฝากเขาเลย...ไม่เคยชวนไปกินข้าว ไม่เคยบอกรัก ไม่เคยจะมองตาเขาอย่างจริงใจ.....แม้ทุกๆอย่างที่กล่าวนั้นเป็นสิ่งที่เด็กคนนี้ทำให้ผมทุกๆวัน
และแล้วมันก็เป็นอีกครั้งที่ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่าผมดีพอเหรอสำหรับเขา
เคยลองถามเขาดูนะครับว่า"ทำไมยังรักพี่อยู่ล่ะ"
คำตอบช่างน่าประทับใจ"แล้วทำไมผมถึงจะไม่รักพี่ล่ะครับ...พี่ดีกับผมขนาดนี้"
วันนั้นมันเป็นอีกวันที่ผมกอดเขาไว้แนบกาย ถึงไม่อยากให้เขาเห็นว่าน้ำตามันไหลออกมา. แต่เขาก็เห็น ...... ผมพยายามใช้มือปาดน้ำตาออก แต่มือแก่ๆของผมไม่ทันเด็กหรอก
เขาเอาเสื้อบริเวณหน้าอกมาเช็ดน้ำตาให้ ผม...หึๆๆๆ เสื้อนายเปียกเหงื่อขนาดนั้น ทำไมนายยังจะเอามาเช็ดพี่ได้นะ....ไอ้เด็กคนนี้
หน้าของผมเลยกลายมาเปื้อนทั้งน้ำตาและเหงื่อเด็ก....ผมได้แต่หัวเราะตลกๆแล้วลูบหัวเบาๆ เขาช่างน่าเอ็นดูนะ คุณว่ามั้ย
จนในเทศกาลประจำของโรงเรียนมี่เรียกกันว่า เทศกาลtake care ผมเลยว่าจะซื้ออะไรให้เขาสักชิ้น
"อยากได้อะไรรึเปล่า เดี๋ยวพี่ซื้อให้"
มันก็ตอบมาแบบน่ารักๆแบบมัน ไม่รู้สิ จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เห็นเลยว่าอะไรของมันที่ไม่น่ารัก
"จริงเหรอพี่!!...ขอบคุณครับ "
หลังจากนั้นมันก็จับมือผมพาวิ่งไปยังมินิมาร์ทที่ใกล้ที่สุด
ในใจผมคิดว่า เงินพันที่เตรียมมาคงจะได้ใช้สักที....แต่ที่ไหนได้ผมได้ใช้แค่20บาท
เด็กคนนี้หยิบเพียงแค่น้ำชาขวดเล็กๆกับลูกอม...20บาทของผมถูกใช้จนคุ้มซะจริง
พอออกจากร้าน มันก็ออกมาขอบคุณเป็นคุ้งเป็นแคว นี่ไม่เคยมีใครซื้อของให้มันหรือไงนะ.....แต่ก็ดี เด็กคนนี้ดูเติบโตขึ้นนะ. เขาไม่ต้องการอะไรมากเกินความจำเป็น
ผมได้แต่ยิ้ม...ขณะที่นั่งกับเขา กินน้ำชาและลูกอมสองสามเม็ดเป็นเพื่อน ตาของผมไม่ได้เหม่อลอย มันจับจ้องไปที่หน้าของเด็กคนนี้ แต่ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนโลกมันหยุดหมุน รู้สึกราวกับว่ามีเพียงแค่ผมกับเขาในโรงเรียนนี้...อาจจะเป็นเพราะเรานั่งบนม้านั่งเงียบๆที่ทั่วทั้งบริเวณมีแค่ผมกับเขา
เรามักมานั่งมองพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน...บางครั้งบางคราว เขานอนบนตักผม...บางทีผมก็นอนบนตักนุ่มๆของเขา...บางทีเราก็นอนด้วยกันทั้งคู่ ปล่อยตัวให้สบาย อยู่กับเด็กคนนี้เหมือนไม่มีสิ่งใดให้กังวลเลย
วันนั้นเราไม่ได้คุยอะไรมากมาย แต่ทุกๆอย่างช่างมีความหมาย
น้ำชาที่เหลืออยู่ก้นขวด พอประมาณอึกหนึ่ง...พอที่จะให้เขาคิดอะไรประหลาดๆ
เขาถามผมว่า "พี่อยากกินน้ำชาที่เหลือมั้ย"
แน่ล่ะ ไม่ให้เขางอนผมก็คงต้องตอบว่า"อยากกินสิ"
แล้วเด็กคนนั้นก็ดื่มมันเข้าปากไปหมด
"ไอ้นี่...มาบอกให้อยากกินแล้วก็กินเองหมด". ผมตัดพ้อตลกๆเพร่ะนึกว่าเด็กคนนั้นจะแกล้ง
แต่มันกลับจับหน้าของผมและใช้ปากของเขาจับริมฝีปากของผม ดูเป็นการจูบที่ดูฉุกละหุก มันทำให้น้ำชาไหลออกจากมุมปากเล็กน้อย แต่พูดก็พูดว่าจูบของเด็กคนนี้หวาน(น้ำชา)เสียจริงๆ เด็กมันก็มีความคิดแปลกๆตามประสาเด็กนะ....แต่มันช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยรักมหาศาล
"นี่ล่ะครับ ของขวัญวัน take care ที่ผมเอามาใากพี่ครับ"แล้วยิ้มอีกครั้งที่ทำให้ใจละลาย
ไอ้เด็กบ้า...คือคำที่ผมอยากจะหลุดปากด่ามันมาก ถ้าตอนนั้นหน้าของผมไม่แดงจนมันทัก และเขินอายมาก...มากพอๆกับความสุขที่ผมมี
แล้วผมจะทำอย่างไรต่อดีล่ะ น้ำชาก็หมด ลูกอมก็หมด มันเหลือเพียงแต่รักที่เรามีต่อกันเท่านั้นล่ะมั้ง สิ่งเดียวที่เหลืออยู่
ผมได้เพียงกอดเขาไว้...ไม่แน่นมากหรอก มันมีพื้นที่พอให้เราหันปลายจมูกมาชนกัน ตาจ้องตา ผมเห็นตาของเขาชัดเจน แก้วสีน้ำตาลใสระยิบระยับที่ทำให้ผมเชื่อใจ จากนั้นผมเอียงคอแนบชิดและใกล้ ซอกคอของเราชิดสนิทกัน การสัมผัสทำให้ผมและเขาสื่อสารกันได้
และก็เป็นอีกครั้ง...ที่เด็กคนนี้ย้ายปากมาที่ซอกคอของผม ทำอะไรสักอย่างให้จั๊กจี้เล่น จนผมต้องใช้มือผลักหัวเขาออกมา
เอามือแก่ๆลูบจากข้างตาถึงปลายคาง แล้วสั่งสอนเล็กๆน้อยๆ "ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ"
ตาทะเล้นๆของเด็กคนนี้ทำให้ผมเชื่อทุกครั้งที่เขาพูด ไม่ว่ามันคืออะไร และในช่วงเวลาที่อาทิตย์ลับไปสุดขอบฟ้า เขาได้กล่าวตอบผม...เป็นคำที่ผมอยากจะฟังมันไปตลอด นับครั้งไม้ถ้วน
"ครับ พี่คนดีของผม"
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น